เทศน์เช้า วันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะนะ ตั้งใจฟังธรรมๆ เพื่อหัวใจให้ชุ่มชื่น หัวใจมันแห้งแล้ง หัวใจมันเปลี่ยวเหงาไง มันเครียดมันกดดันหัวใจเรามากๆ ทั้งๆ ที่มันอยู่กับเรานะ ของของเราแท้ๆ เลย ของของเรามันควรจะให้ความสุขความสงบความดีงามกับเรา แต่ทำไมมันให้แต่ความทุกข์ความยากกับเราล่ะ
ถ้าให้ความทุกข์ความยากกับเรานะ เวลาคนเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะมันมีพุทธะ มันมีผู้รู้ มันมีจิตวิญญาณไง จิตวิญญาณนั้นสมบัติที่มีค่า สมบัติที่มีค่านั้นถ้ามันเบิกบาน ถ้ามันทำความสงบของใจได้มันผ่องใส มันผ่องใสมันมีแต่ความสุข
เวลาพระเดินจงกรมนะ เวลาเดินจงกรมไปเดินจงกรมมา เหมือนมันลอยไปลอยมานะ โอ๋ย! มันเบา มันมีความสุขมากเลย แต่ความสุขนั้นต้องแลกมาด้วยความเพียร ความวิริยะ ความอุตสาหะ เพราะอะไร
เพราะเราโดนกิเลสครอบงำไง เราโดนกิเลสครอบงำไว้ เราไม่เข้าใจในเรื่องตัวของเราไง เราเข้าใจเรื่องวิชาการทั้งหมด เห็นไหม วิชาการนั้นเอามาเป็นวิชาชีพ เอามาทำหน้าที่การงาน
แต่คนที่มีปฏิภาณไหวพริบพลิกแพลงเอาสิ่งนั้นมาเป็นประโยชน์กับเรา เอาสิ่งนั้นมาเป็นปัญญาของเรา เอาสิ่งนั้นเพื่อเอาตัวรอดจากสังคมไง แต่ถ้าคนไม่มีปัญญาก็ศึกษามาเหมือนกันแต่ปฏิภาณไหวพริบไม่ทันกัน เราก็เป็นเบี้ยล่างเขา เป็นผู้เสียเปรียบตลอดเวลา
สิ่งนี้เรามาศึกษาๆ ศึกษามาเพื่อหาสัจจะความจริง แล้วถ้าจะเอาชนะ จะเอาเป็นผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบ เป็นผู้ที่ควบคุมได้ มันก็ควบคุมด้วยสติ ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ด้วยสติของเราๆ แล้วสติมันมาจากไหนล่ะ สติคือการฝึกหัดๆ นี่ไง
วันนี้วันสำคัญของชาตินะ วันนี้วันจักรี วันจักรีเพราะอะไร เพราะเป็นวันสถาปนาราชวงศ์จักรี เพื่ออะไร เพื่อความมั่นคงของชาติ ด้วยผู้ปกครองที่มีคุณธรรมในหัวใจ ถ้ามีคุณธรรมในหัวใจจะปกครองประชาชนแบบลูกแบบหลาน ถ้ามีความเดือดร้อนข้องใจให้มาตีระฆังให้มาตีกลอง นี่ปกครองแบบลูกแบบหลาน เพราะอะไร เพราะหัวหน้าที่ดีๆ ไง
นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนามีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีเมตตาธรรมนะ ปรารถนา
การปลงธรรมสังเวชๆ เราเห็นคนทุกข์คนยาก คนที่มีความลำบาก เราเห็นแล้วมันสะเทือนใจนะ นี่คุณธรรม ธรรมสังเวช มันเป็นธรรมๆ มันสะเทือนใจเราเพราะอะไร เพราะเขาไม่มีสติปัญญาสามารถเข้าถึงอันนี้ได้ไง เขาก็ต้องใช้ชีวิตของเขาแบบกระเสือกกระสนไปน่ะ มันสังเวช
ถ้ามันสังเวช เวลาเราคิดอยากจะช่วยเหลือเจือจานคนๆ มันก็ช่วยเหลือเจือจานจากสติปัญญาของเขา ถ้าเขามีสติปัญญาของเขา เขาก็จะพาชีวิตของเขาให้ไปความร่มเย็นเป็นสุข
ถ้าเขาไม่มีสติปัญญาของเขา ทุ่มเทไปเท่าไหนก็ไม่พอ ทุ่มเทไปเท่าไรก็ไม่เหลือ ทุ่มเทไปเถอะ ตัณหามันล้นฝั่ง
เวลามหาสมุทรทะเลมันยังมีขอบมีเขต มันมีฝั่งมีฝาของมัน มันท่วมจากที่สูงไม่ได้หรอก แต่กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันท่วมถึงเขาเอเวอเรสต์รอบไปเลย ข้ามไปเลยนู่นน่ะ มันไม่มีวันพอหรอก ตัณหาความทะยานอยากของคนไม่มีวันพอ แล้วยิ่งคนที่มันไม่มีสติปัญญา เราถมไปขนาดไหนมันก็เป็นเหยื่อตลอดไป
ถ้ามันเป็นธรรมๆ เป็นธรรมขึ้นมาจากสติปัญญา ถ้าฝึกหัดสติปัญญา เราเห็นคุณค่าๆ มันก็เริ่มต้นมาจากพันธุกรรมของจิตๆ นี่แหละ
ถ้ามีพันธุกรรมของจิต ถ้าจิตมันดีงาม จิตที่มันดีงามเข้ากันโดยธาตุ ลูกศิษย์พระสารีบุตรเป็นปัญญาวิมุตติทั้งหมด ลูกศิษย์พระโมคคัลลานะชอบฤทธิ์ทั้งหมด ลูกศิษย์ของเทวทัตลามกทั้งหมด มันคบเพื่อนมันนั่นน่ะ คนรอบข้างนั่นน่ะ ถ้าคนไม่มี เราหลีกเราเร้น
นี่ไง เพื่อนแท้ มิตรเทียม คนเทียมมิตร ถ้ามิตรแท้ๆ นะ ถ้ามิตรแท้ เราพลาดพลั้งสิ่งใดไปเขาปกป้องดูแลเรานะ ไอ้มิตรเทียม เรามั่นคงแค่ไหนมันมาปอกลอกทั้งนั้นน่ะ มันมาปอกลอกทั้งนั้นน่ะ นี่ไง สิ่งที่ไม่มีสติปัญญามันก็เป็นเหยื่อ
ถ้าเรามีสติปัญญาๆ พันธุกรรม พันธุกรรมมันไม่ครบ มันแยกมันแยะไง เพราะอะไร เพราะว่าเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมนะ ทอดธุระเลย มันจะสอนใครได้ๆ ถ้าจะสอนใครได้
คนที่มีสติปัญญามากขนาดนั้น คนที่มีสติปัญญาที่จะแทงทะลุในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วถ้าคนที่มีสติปัญญา คนที่มีอำนาจวาสนามันก็เริ่มต้นจากตรงนั้นน่ะ เริ่มต้นจากคิดดี ใฝ่ดี ทำดี สิ่งใดที่หาสิ่งที่ดีงามๆ ของเรา ดีงามเพื่ออะไร
ถ้าดีงามโดยกิเลส ดีงามของมันด้วยความรำพันนะ มีแต่ความทุกข์ๆๆ ทำดีแล้วไม่ได้ดีๆ
ทำดีปิดทองหลังพระ ทำดีทิ้งเหวๆ ไง ทำดีก็เพื่อความดีของเรา เราทำดีของเรา เราอยู่ที่ไหนด้วยความองอาจกล้าหาญนะ ผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์จะเข้าสังคมไหนก็ได้ ทีนี้เราทำความดีของเราๆ ถ้ายังไม่ถึงเวลาของเรา เราก็ยังทำคุณงามความดีของเราทั้งสิ้น เว้นไว้แต่เราต้องป้องกันตัวไง
เวลาป้องกันตัว คนมาเอารัดเอาเปรียบ คนมาฉ้อมาโกง เราไม่ทำกับเขาหรอก เราหลบหลีก แต่พระโพธิสัตว์ๆ คนที่ยิ่งเอารัดเอาเปรียบเขายิ่งให้คนนั้นให้มาก แล้วคนที่จะดูแลแก้ไขก็แก้ไข นี่พูดถึงพระโพธิสัตว์ที่ดีงาม
แต่ถ้าหัวใจของเรายังไม่สูงส่งขนาดนั้น คนที่เขาเอารัดเอาเปรียบเรา เราหลีกเราเร้น เราไม่ยุ่งกับเขา
ถ้าเราช่วยเหลือเจือจานคนทุกข์คนจนได้ เราช่วยเหลือเจือจานเขา เวลาเราทุกข์เราจนนะ ไม่มีจะกิน ไม่มีจะกินมันทุกข์ยากมาก ถ้ามันทุกข์ยากมากนะ เราได้ให้อาหารคำข้าวกับใครแม้แต่มื้อหนึ่งน่ะ
เวลาเขาคิดของเขาๆ นะ เวลาเราทุกข์เรายากๆ คนที่ปากกัดตีนถีบ แล้วมีฐานะที่ว่าเราทุกข์เรายากนะ เวลาเขาพูด “เราเคยทุกข์ยากมาก่อน เราเคยทุกข์ยากมาก่อน”
หลวงตามหาบัวเวลาท่านเทศน์สอนพระ ท่านสอนพระท่านบอก ท่านเป็นพระผู้น้อยมาก่อน ท่านเป็นพระผู้น้อยมาก่อน
คำว่า “เป็นพระผู้น้อยมาก่อน” อยู่หางแถวนู่นน่ะ อยู่หางแถวขึ้นมา สิ่งที่เหลือถึงหางแถวมันมีแต่น้ำต้มผัก อย่างอื่นหัวหน้าเอาไว้หมดเลย แต่ถ้าเป็นหัวหน้าที่ดีงาม มีที่บ้านตาดเท่านั้นน่ะที่เวลาแจกอาหารให้ย้อนจากท้ายแถวขึ้นมา ให้ท้ายแถวได้ตักก่อน ให้สามเณรได้ตักก่อน สามเณรน้อยหรือท่านอาจารย์ใหญ่ก็มีปากมีท้องเหมือนกัน
ปากท้องนี้เหมือนกัน คนเราหิวกระหายเหมือนกัน คนมีทุกข์มียากเหมือนกัน แต่คนที่มีคุณธรรมๆ นั้นอีกเรื่องหนึ่งนะ คนที่มีคุณธรรมๆ เขาต้องฝึกหัดของเขาขึ้นมา
ถ้าฝึกหัดขึ้นมาแล้ว ไอ้เรื่องธรรมชาติ ธรรมะเป็นธรรมชาติๆ โรคหิวเป็นโรคธรรมชาติของมนุษย์ สิ่งมีชีวิตต้องการอาหาร ขาดอาหาร เสียชีวิต สิ้นชีวิตนั้นไป ไอ้นี่เป็นธรรมชาติ ถ้าใจเป็นธรรมๆ วัตถุมันไม่ทำร้ายใครไม่ทำลายใครทั้งสิ้น
สถานะของความเป็นมนุษย์ สถานะของสิ่งมีชีวิตมันก็มีค่าเท่ากัน แต่หัวใจที่มีค่า หัวใจที่สูงส่งเขาเสียสละได้ แต่คนที่ทิฏฐิท่วมหัวมันไม่ยอมนะ ฉันผู้ยิ่งใหญ่ ฉันต้องฉันก่อน คราวหน้าต้องตักก่อน
ฉันไม่หมดหรอก ให้ฉันจนตายก็ไม่หมด แต่กิเลสมันจะกว้านไว้หมด ไปแจกข้างหลังก่อนไม่ได้ มันเสียเปรียบ มันเสียหน้า มันไม่ยอม นี่ดูกิเลสสิ มันกินไม่หมดหรอก
แต่ถ้าเป็นธรรมๆ ขึ้นมา ครูบาอาจารย์ท่านให้แจกจากท้ายขึ้นมาก็มี ให้แจกจากหัวไปก็มี ไปแจกท้ายขึ้นมา แจกแต่ท้ายบ่อยๆ เข้าเดี๋ยวมันจะหางชี้ไง เดี๋ยวหางชี้เดี๋ยวมันจะทิฏฐิมานะ แต่เวลาให้ท่านให้เป็นครั้งเป็นคราว
คำว่า “ให้เป็นครั้งเป็นคราว” เป็นการฝึกฝน เป็นการทำให้เห็นน่ะ พอทำให้เห็น คนมันได้คิดนะ ถ้าคนมันได้คิดนะ ทำไมท่านทำอย่างนั้น แล้วท่านทำอย่างนั้น ถ้าเป็นทางโลกบอก “ไม่ได้ ต้องเป็นผู้อาวุโสก่อน เด็กน้อยจะมาทำอย่างนั้นไม่ได้” นี่เวลามันเข้าข้างตัวเองไง
แต่ถ้าเป็นธรรมๆ เป็นธรรมคือทำให้เห็น ทำให้เห็นเป็นการสอน คำสอนที่ประเสริฐที่สุดคือการทำให้ดู ก็ทำให้ดูๆ นะ แล้วท่านเป็นหัวหน้า ท่านควบคุมของท่านได้ นี่พูดถึงว่าถ้าจิตใจที่เป็นธรรม วัตถุมันทุกข์มันยากไม่ได้ วัตถุมันไม่มีความทุกข์ความโศกใดๆ ทั้งสิ้น แต่คนที่ไปแบกไปรับ ไปยึดมั่นถือมั่นมันน่ะ ไอ้นั่นเป็นขี้ข้า แล้วก็เอามาเสริมทิฏฐิมานะของตน
แต่ถ้าเป็นธรรมๆ สิ่งนั้นก็แค่ดำรงชีพเท่านั้นเอง ดำรงชีพขึ้นมา แต่ถ้าเป็นธรรมวินัยๆ ธรรมวินัยเป็นศาสดาของเรา เวลาเคารพบูชา อาวุโส ภันเต อาวุโสนี้เป็นที่น่าเคารพบูชา แต่ต้องอาวุโสที่มีคุณธรรมด้วย ถ้าอาวุโสแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน มันก็อาวุโสเปล่าๆ ไง
แต่ถ้าเราเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็เคารพตามธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเคารพพระพุทธเจ้า เราไม่ได้เคารพอาวุโสที่แก่เพราะกินข้าว มันต้องมีสติมีปัญญาอย่างนี้มันถึงเอาตัวรอดได้ไง
ถ้ามีสติปัญญาอย่างนี้ ฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อหัวใจของเรา ถ้าหัวใจของเรา ถ้าเราทำคุณงามความดีของเรา มันคบแต่ความดี คบแต่สัจธรรมความดีของเรา มันจะทำความชั่วไม่ได้ มันจะห่างไปเรื่อยๆ ห่างไปเรื่อยๆ ไง
แต่ถ้ามันไปคบเพื่อนคบมิตรที่ว่าอย่างที่เป็นธาตุของตนชอบๆ ชอบอย่างนั้นน่ะ ถ้าชอบอย่างนั้นมันก็เข้ากับอย่างนั้นน่ะ ถ้ามันเข้ากับอย่างนั้นมันจะไปไหนล่ะ
ถ้ามันทำความดีๆ เขาก็ไม่ยกย่องตนไง ใครจะยอมรับให้คนอื่นดีกว่าตน ไม่มีหรอก แต่ถ้ามันทำดีถึงที่สุดแล้วนะ กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม
ข้าราชการใหญ่โตมากมายเลยเวลาไปหาหลวงปู่ฝั้น ท่านบอกว่าไม่ให้กินเหล้า
โอ๋ย! ผมต้องเข้าสังคม ไม่ได้หรอก มันเป็นสังคม ผมนี่เป็นผู้ใหญ่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ต้องเข้าสังคม
ท่านบอกเลย ท่านมีศีล ๒๒๗ ศาลาคนเต็มวัดทุกวันเลย ท่านไม่ต้องกินเหล้าเลย
นี่ไง เวลามันเข้าข้างตัวมันเอง
หลวงปู่ฝั้นท่านพูดเอง เราก็สังคม ดูสิ เต็มศาลาทุกวันเลย
เพราะถ้าหัวหน้าที่ดี หัวหน้าที่ดีนะ มันจะพาลูกน้อง พาสังคมไปที่ดีงาม สิ่งใดที่มันดีงามนะ เราเขียนกฎหมาย ข้าราชการห้ามรับของขวัญเกิน ๓,๐๐๐ เขียนไว้เลยนะ ห้ามเกินกว่านั้นไง
นี่เวลาเขียนกฎหมายไว้แล้วมันก็ยังปลิ้นยังปล้อน มันดีดมันดิ้นของมันไป แต่ถ้ามันเป็นโดยธรรม โดยธาตุ ฝึกหัดๆ เราฝึกหัดของเรา ให้มันดีโดยธาตุ ถ้าดีโดยธาตุแล้วนะ คุณงามความดี
แม้แต่เรา ดูสิ เขาปล่อยนกปล่อยปลากัน เราเห็นสัตว์ เราจับสัตว์ให้มันพ้นจากวิกฤติ เราก็มีความสุขแล้ว เวลาถ้าจิตมันสูงส่งนะ ของเล็กน้อยมันก็มีค่า ของที่โลกมองไม่เห็น มันมองเห็น
นี่ไง ก็เหมือนเรานี่ไง ถ้าโลกมองไม่เห็น เราจะมานั่งทนทุกข์ทรมานทำไม คิดว่าธรรมะนี้ก็เหมือนหนังจีนไง เสกได้หมดทุกอย่างเลย
แต่ถ้าเป็นความจริงๆ นะ ละออกทุกอย่างเลย ทำใจให้ปลอดโปร่ง ทำใจ หัวใจของเราที่เราควบคุมได้ อย่างอื่นเราควบคุมไม่ได้ เราควบคุมสิ่งใดไม่ได้ สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม กรรมจำแนกสัตว์ให้เกิดต่างๆ กัน การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ คนที่มีบุญมีบาปมากน้อยขนาดไหนมันก็ฝัง นี่คุณสมบัติ
เวลาทางโลก สมบัติที่เป็นทรัพย์สมบัติอยู่ในธนาคารนั่นก็เป็นทรัพย์สมบัติทางโลกข้าวของเงินทอง
แต่ถ้าเป็นทรัพย์สมบัติทางหัวใจ จิตที่มันละเอียดลึกซึ้ง จิตที่มันมีคุณภาพ จิตที่มันมีคุณงามความดีมันเห็นสิ่งที่ดีงามเป็นความดี แต่จิตที่มันเป็นคนพาล มันเห็นความดีเป็นของไม่ดี ถ้าเห็นการระการรานคนอื่นเป็นของดี นี่คุณภาพของจิตไง
ถ้าคุณภาพของจิต ถ้าจิตมันทำคุณงามความดีขึ้นมา ถ้ามันสงบระงับเข้ามา สงบระงับเข้ามาเพราะอะไร มันมีสติ เวลาสตินะ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา มันลอยไปลอยมานะ ถ้าจิตมันลงนะ ถ้าจิตมันสงบ โอ้โฮ! มันมีความสุขมาก คนเรานะ วันๆ หนึ่งเหมือนเหาะได้ เหาะลอยฟ้ายิ่งกว่าหนังจีนอีก ทำได้
แต่มันทำได้ เกิดจากความพากความเพียร แล้วเวลามันคลายออกมา เวลามันคลายตัวออกมาแล้วเราก็พยายามรักษาของเรา การเข้าและการออก การเข้าและการออกสมาธินะ
คนที่ทำไม่เป็นบอก “สมาธิมีด้วยหรือ สมาธิมีการเข้า การออกหรือ”
แล้วเวลาจิตคนมันคับมันแค้น จิตคนมันเครียด มันมีแต่ความทุกข์ เวลามันเข้าไปสู่ความสงบ มันสงบระงับมีความสุข แล้วมันเข้าหรือเปล่าล่ะ แล้วเวลามันคลายตัวออกมา เวลาคลายตัวออกมาตีโพยตีพายเลย จะเอาอย่างนั้น จะเอาอย่างนั้นแล้วก็ไม่ได้ นี่ไง มันเข้ามันออกโดยที่ตัวเองยังไม่รู้ตัวเลย ไม่มีสติปัญญาสามารถดูแลตัวเองได้เลย
แต่คนที่เขาเป็นนะ เวลาเข้าสมาธิ ละเอียดเข้าไปๆ พุทโธจนพุทโธไม่ได้ มันกีดมันขวาง มันทุกข์มันยาก มันประชดประชัน มันกระทืบหัวใจเลย พอมันกลมกลืนกัน โอ๋ย! พุทโธก็ดีเนาะ รู้สึกมันดีขึ้นๆ
นี่จะเข้าจะออกเอ็งไม่รู้จักหรือ แล้วเวลาพุทโธมันหาย เวลามันหายหมดเลย โอ๋ย! มันเวิ้งว้างไปหมดเลย เอ็งรู้หรือเปล่า
แล้วเวลาจะคลายออกมานะ หลวงตาท่านถึงสอนไง ถ้าเข้าสมาธิแล้วอย่าไปกระตุกมัน อย่าไปออกพรวดพราด ถ้าเข้าสมาธิแล้วออกพรวดพราดแล้วมันจะเข้าได้ยาก ต่อไปจะทำสมาธิได้ยาก เวลาเข้าไปแล้วตั้งสติไว้ ให้มันคลายตัวของมันออกมาโดยธรรมชาติของมัน รักษามันไว้ อย่าไปพรวดพราด อย่าไปกระตุก อย่าไปขุดคุ้ย เวลาเข้าสมาธิ
เวลาครูบาอาจารย์ที่ทำสมาธิท่านรู้ถึงการเข้าและการออก เวลาออกมาแล้ว เวลาเข้า เข้าได้ยาก เวลาออก ไม่ได้พูดถึง ออกได้ง่าย
บางคนไม่เคยเข้าเลย ตีโพยตีพายอยู่อย่างนั้นน่ะ ไม่เคยได้เคยดีกับใครทั้งสิ้น แล้วพอถึงที่สุดแล้วนะ มันไม่มีอยู่หรอก สมาธิก็คือสมาธิ ว่างๆ ว่างๆ อย่างนี้แหละ มันไม่มีเข้าไม่มีออกหรอก ไม่ชำนาญในวสี
ไม่มีเข้าไม่มีออกมันเป็นศีล สมาธิ ปัญญาขึ้นมาได้อย่างไร มันเป็นมรรคขึ้นมาได้อย่างไร มันเป็นองค์ของสมาธิ ศีล สมาธิ ปัญญา องค์ของสมาธิ มรรค ๘ มันเป็นได้อย่างไร นี่มันมีของมันอยู่ แต่คนที่ทำไม่ได้ คนที่ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จักเลย
นี่ไง คุณสมบัติของหัวใจ คุณสมบัติมีสติมีปัญญา มีความละเอียดรอบคอบ มีความสามารถรักษาใจของเราได้
ทั้งๆ ที่เป็นเรานะ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ สถานะของความเป็นมนุษย์ชั่วอายุขัยเท่านั้นน่ะ แต่จิตนี้มันมากกว่านั้น ก่อนที่มันจะเกิดเป็นเรา แล้วตายไปแล้วมันไปไหน ตามกันไม่เห็น แต่บุญกรรมตามมันไป มันเป็นคนทำ มันเป็นคนสร้าง มันเป็นคนรับรู้ มันต้องไปกับเวรกับกรรมอันนั้น
แต่เราสร้างคุณงามความดีของเราๆ เราสร้างเหตุที่ดีๆ สร้างคุณงามความดีให้หัวใจ สร้างทุกอย่างครอบคลุมดูแลรักษาหัวใจให้เป็นสมบัติของใจนั้น เราเป็นคนฉลาด เราสร้างคุณงามความดีของเรา เราทำเพื่อหัวใจของเรา นี่ไง แล้วต้องการให้ใครมานับถือ
ฝากไปรษณีย์ไป ไปรษณีย์มันโกงก็จบนะ เราทำของเราเอง ใจของเราทำเองเป็นของเราเอง ไม่ต้องฝากใครไป มันรู้ของมัน มันชัดเจนของมัน แล้วถ้ามันทำจนเป็นนิสัยนะ นั่งสมาธิภาวนาใครต้องเห็น
หลวงตาท่านพูด ถ้าภาวนาให้ใครเห็นน่ะมันไม่ขลัง
ไอ้พวกเราอวด ถ่ายวิดีโอออกทีวีกันเลยนะ โอ้โฮ! นักภาวนาชั้นหนึ่ง นักภาวนาชั้นเอก
ของท่านเข้าป่าเข้าเขา เห็นไม่ได้ ถ้าเห็น ไม่ขลัง
นี่เวลาความจริงๆ ความดีใครต้องเห็นกับเรา แต่เรารู้ ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโกนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่โคนต้นโพธิ์ ครูบาอาจารย์เราเวลาดวงตาเห็นธรรมอยู่ในถ้ำในป่าในเขา ในที่สงบสงัด ไม่ต้องให้ใครมาชื่นชมทั้งสิ้น
ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ ให้เหตุมันสมควรเถอะ กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรม
กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมเป็นกลิ่นของธรรมชาติ กลิ่นของน้ำหอม กลิ่นของน้ำอบมันต้องสร้างขึ้นมา แล้วหอมชั่วคราว แต่กลิ่นของศีลกลิ่นของธรรมมันเป็นธรรมชาติ มันอยู่ของมันยั่งยืน มันเป็นสัจจะความจริงของมัน แล้วพระปฏิบัติเขาไม่ต้องการด้วย เขาต้องการปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก แต่คุณงามความดีมันหอมมันกระจายไป นั้นมันเป็นกระแสสังคม ไม่ใช่ความจริงด้วย
ความจริงคือในใจดวงนั้นต่างหาก ความจริงคือหัวใจดวงนั้นต่างหาก หัวใจที่มันทุกข์มันยากแล้วมันได้สลัดมันได้คายของมัน มันได้เป็นสัจจะความจริงขึ้นมา นั่นหัวใจดวงนั้นมีคุณค่า เห็นไหม อัตตสมบัติ สมบัติส่วนตน สมบัติแท้ๆ ของมนุษย์ เอวัง